Wednesday 18 May 2011

ยักษ์เครื่องดื่มเล่นแรงสกัดคู่แข่ง บีบโชห่วยตจว.งดขาย"เพียวริคุ-ดับเบิ้ลดริ้งค์-ดีโด้

การแข่งขันตลาดเครื่องดื่มสุดโหด ล่าสุดเซลส์ยักษ์ใหญ่ในวงการหักดิบ ประกาศห้ามร้านค้าโชห่วยขายของคู่แข่ง พุ่งเป้าเพียวริคุ-ดับเบิ้ลดริ้งค์- ดีโด้ ด้าน "ไทยเบฟฯ" ระบุนโยบายบริษัทไม่กีดกันการค้า ชี้เซลส์อาจทำเอง ด้านผู้บริหารกระทิงแดง- "ตัน" ลั่นไม่ตอบโต้ เผยคีย์ซักเซสอยู่ที่ตัวสินค้า เล็งหายี่ปั๊วซาปั๊วเพิ่มเติม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดเครื่องดื่มซึ่งคีย์ซักเซสขึ้นอยู่กับการกระจายสินค้าให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง นอกจากเซเว่นอีเลฟเว่นที่เป็นช่องทางหลักแล้ว เทรดิชั่นนอลเทรด หรือตู้แช่ในร้านค้าโชห่วย ยังนับเป็นหัวใจสำคัญของสินค้าในกลุ่มนี้ที่จะสร้างยอดขายและส่วนแบ่งการตลาด ปัจจุบันกลยุทธ์การขายในตลาดนี้มีความรุนแรงดุเดือดมากขึ้นทุกขณะ



หักดิบร้านค้าห้ามขายของคู่แข่ง

แหล่งข่าวในวงการชาเขียวยักษ์ใหญ่เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ในตลาดเครื่องดื่มคือ พนักงานขายของบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ได้ใช้กลยุทธ์การขายเพื่อสกัดกั้นคู่แข่งขัน โดยเสนอให้ส่วนลดหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ พิเศษกับยี่ปั๊วซาปั๊ว และซูเปอร์มาร์เก็ต หากไม่ขายสินค้าของคู่แข่ง เท่าที่ทราบคือเกิดขึ้นทั่วประเทศโดยเฉพาะต่างจังหวัดซึ่งเท่าที่ทราบมีแบรนด์เพียวริคุ ดับเบิ้ล ดริ้งค์ และน้ำส้มดีโด้ ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรง

"ยักษ์ใหญ่รายนี้เตรียมออกน้ำส้ม 10% ไม่แปลกที่จะเลือกใช้กลยุทธ์นี้ ซึ่งเคยใช้มาแล้วในกรณีของเหล้าชุมชน"

แหล่งข่าวยังระบุว่า ในอดีตค่ายนี้ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวในการขายพ่วงเครื่องดื่มอย่างได้ผล เมื่อนำกลยุทธ์นี้มาใช้กับกลุ่มน็อนแอลกอฮอล์ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่

"ครั้งนี้จึงไม่ได้อยู่แค่เอเย่นต์เหล้า เบียร์ แต่ขยายวงไปที่เอเย่นต์ที่เป็นยี่ปั๊วซาปั๊วทั่วไป ซึ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในต่างจังหวัด เท่าที่ทราบทางเซลส์มีการแจ้งร้านค้าว่าตั้งแต่ 1 พฤษภาคม หากยังมีสินค้าของคู่แข่งก็จะตัดส่วนลด"

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวเชื่อว่าอาจจะเป็นกลยุทธ์ของพนักงานขายเอง ไม่ใช่นโยบายโดยตรง เนื่องจากเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ การใช้กลยุทธ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว

เพียวริคุ-ดับเบิ้ลดริ้งค์ไม่ตอบโต้

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังบริษัทเครื่องดื่มต่าง ๆ แหล่งข่าวในบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย ชาขาวเพียวริคุ ยอมรับว่ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น โดยอธิบายว่าบริษัทเริ่มเห็นภาพการบีบยี่ปั๊วซาปั๊วไม่ให้ขายเพียวริคุ

"เราคงไม่โต้ตอบอะไร ทางแก้ของเราก็คือเมื่อเล่นเกมนี้มา เราก็หายี่ปั๊ว ซาปั๊วใหม่เพิ่มเข้ามา เพราะมั่นใจว่าสินค้าที่ติดอยู่แล้ว ตลาดมีความต้องการ คนค้าขายก็ต้องการจะขาย สินค้าไม่ดี ไม่เป็นที่ยอมรับ แม้จะซื้อมาในราคาถูกแต่สินค้าก็จะเดินยาก"

เช่นเดียวกับนายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไม่ตัน จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายดับเบิ้ล ดริ้งค์ ยอมรับว่าได้ยินเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่ยังไม่ได้มีการเช็กทางพนักงานขายของบริษัท อย่างไรก็ตามคงไม่ได้มีการตอบโต้อะไร เพราะความสำเร็จของสินค้าไม่ได้ขึ้นกับเรื่องดังกล่าว มาก กว่าตัวสินค้าที่โดนใจผู้บริโภคจริง ๆ

ไทยเบฟฯชี้ไม่ใช่นโยบาย

นายสมชัย สุทธิกุลพาณิช ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า บริษัทไม่มีนโยบายการทำตลาดที่จะใช้วิธีการบีบ และไม่ทราบว่ามีเรื่องในลักษณะดังกล่าว ทั้งนี้คาดว่าอาจจะเป็นเทคนิคของฝ่ายขายนำมาใช้ แต่รูปแบบการทำตลาดในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นสิ่งที่นักการตลาดใช้กันมานานแล้ว แต่สมัยนี้ก็ไม่ได้นิยมทำกัน

"แนวทางการทำตลาดสมัยนี้จะต้องใช้ตัวสินค้าเป็นตัวนำ และมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมทางการตลาดเสริมเข้ามา หากสินค้าไม่ดี ไม่มีการสนับสนุนจากบริษัท คนขายก็ไม่มีใครอยากจะขาย"

โออิชิมุ่งขยาย ตจว.เต็มพิกัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านโยบายของโออิชิต้องการขยายตลาดไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น เห็นชัดเจนจากการเปิดตัว "โออิชิ ฟรุตโตะ" เมื่อปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตเครื่องดื่มขนาด 350 ม.ล. โดยวางราคา 12 บาท จากเดิมโออิชิจะผลิตเครื่องดื่มขนาด 500 ม.ล. เป้าหมายสำคัญคือเจาะช่องทางเทรดิชั่นนอลเทรด โดยมุ่งขยายไปยัง ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยบริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนช่องทางขายปีนี้ ระหว่างโมเดิร์นเทรดกับเทรดิชั่นนอลเทรดอยู่ที่ 50 : 50 จากเดิมโมเดิร์นเทรดจะอยู่ที่ 60% และเทรดิชั่นนอลเทรด 40% โดยคู่แข่งสำคัญของโออิชิ ฟรุตโตะ ชาเขียวผสมน้ำผลไม้หนีไม่พ้นเพียวริคุ เนื่องจากเป็นเครื่องดื่มชนิดใกล้เคียงกันคือ ชาขาวผสมน้ำผลไม้ ขณะเดียวกันก็มีขนาดและราคาที่ใกล้เคียงกัน โดยเพียวริคุจำหน่าย 13 บาท ในขนาด 350 ม.ล.

แหล่งข่าวจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้าในกลุ่มน็อนแอลกอฮอล์มากขึ้น และในเร็ว ๆ นี้มีแผนจะลอนช์เครื่องดื่มน้ำส้ม 10% เข้าสู่ตลาด จากเดิมที่บริษัทมีน้ำดื่ม โซดา เครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟกระป๋อง ทำตลาดอยู่แล้ว เนื่องจากมองว่าตลาดนี้ยังมีช่องทางทางการตลาดอยู่มาก เนื่องจากมีแบรนด์ใหญ่ที่ทำตลาดหลัก ๆ อยู่ไม่กี่ราย และเป็นตลาดที่มีศักภาพ รวมทั้งเป็นการเติมเต็มพอร์ตให้มีความครอบคลุมมากขึ้น

No comments:

Post a Comment