Sunday 8 July 2012

สิงห์-ช้าง-เนสท์เล่ปั่นตลาดน้ำดื่ม เปิดทุกแนวรบปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่ชิงโชคแจกรถ


ค่ายน้ำดื่มโหมตลาดเต็มที่ หลังกำลังผลิตฟื้นเต็มร้อย "สิงห์" ลั่นทวงมาร์เก็ตแชร์คืน ทุ่มพันล้านตั้งโรงงานอีก 2 แห่งรับตลาดโต ด้าน "ช้าง" ลุยปั้นแบรนด์ ผนึกฟุตบอลมัดใจคนรุ่นใหม่ ทุ่มโฆษณา-กิจกรรมตลอดครึ่งปีหลัง คริสตัลย้ำคุณภาพ-อัดโปรโมชั่นชิงโชค ด้านเนสท์เล่ชูหน่วยขายเสริมแกร่งยี่ปั๊ว แบรนด์ใหญ่รุมตลาดโฮมดีลิเวอรี่ สิงห์สบช่องปั้นหน่วยไดเร็กต์เซล ส่งตรงเครื่องดื่มบุก ตจว.

ตลาดน้ำดื่มตั้งแต่ต้นปีมีการแข่งขันรุนแรงต่อเนื่องมาถึงขณะนี้ ปัจจัยสำคัญมาจากค่ายใหญ่ทั้งสิงห์, คริสตัล, เนสท์เล่ รวมถึงค่ายอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฟื้นกำลังการผลิตเต็มร้อยแล้ว เห็นชัดว่าเริ่มกลับมารุกตลาดอย่างหนักเพื่อทวงคืนส่วนแบ่งตลาดที่หายไป เช่นเดียวกับน้องใหม่ที่แจ้งเกิดในช่วงน้ำท่วมได้แล้วก็พยายามรักษาโมเมนตัมการเติบโต บวกกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น ส่งให้ตลาดน้ำดื่ม 2 หมื่นล้านบาทในขณะนี้คึกคัก
สิงห์ทุ่มพันล้าน ผุด 2 โรงงาน

นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการกลุ่มตลาดน็อนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ที่ผ่านมาตลาดน้ำดื่มโตต่อเนื่องจากไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพ ครึ่งปีแรกโต 23% สิงห์โต 21% ส่วนหนึ่งมาจากสต๊อกสินค้าที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นผลจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่บริษัทหันไปผลิตน้ำดื่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ทุกอย่างเริ่มกลับสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่มีนาคม โจทย์หลักของบริษัทคือ การทวงคืนส่วนแบ่งตลาดที่หายไป 4% จาก 28% เมื่อปีที่แล้ว ปัจจุบันอยู่ที่ 24% แต่มั่นใจว่า

สิ้นปีนี้จะกลับมามีส่วนแบ่งที่ 28% เท่าเดิม โดยครึ่งปีหลังเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ ไว้กระตุ้นยอดขาย

Monday 21 May 2012

จุดเปลี่ยนตลาด "น้ำดำ" 3 ค่ายเป๊บปซี่ โค้ก บิ๊กโคล่าปรับทัพชิงอันดับใหม่!!


ตลาด น้ำอัดลมมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ขณะนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ "ท็อปทรี" ทั้งเป๊ปซี่ โค้ก และบิ๊กโคล่า ต่างมี "การปรับเปลี่ยน" ครั้งใหญ่ ถึงขนาดที่ว่าอาจสามารถ "ชี้เป็น ชี้ตาย" ความเป็นไปและอันดับทางการตลาดของน้ำอัดลมเมืองไทยหลังจากนี้

อย่าง ที่รู้กันว่าสำหรับเป๊ปซี่แล้ว นับจากทำตลาดในไทยมากว่า 50 ปี ไม่มีปีไหนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบ "ยกเครื่อง" ขนาดนี้ เป๊ปซี่ต้องเริ่ม "นับหนึ่งใหม่" ในการทำธุรกิจ หลังจากสิ้นสุดสัญญากับ "เสริมสุข" ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

ขณะที่โค้ก นอกจากมีการตั้งแผนกเครื่องดื่มไม่อัดลมออกมาต่างหากแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่เข้ามารับผิดชอบดูแลกลุ่มน้ำอัดลม รวมถึงยกเครื่องแผนดำเนินธุรกิจหันมาทำตลาดแบบเชิงรุก

เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ในจังหวะที่เป๊ปซี่กำลังเพลี่ยงพล้ำอยู่ในขณะนี้

Sunday 13 May 2012

FOREMOST งัดกลยุทธ์ผู้นำ ชูคุณภาพส่ง "นมออร์แกนิก" ปลุกตลาดปีหน้า


ปีนี้เป็นปีที่ "โฟร์โมสต์" มีความเคลื่อนไหวในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะกับการขยายช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อาทิ การนำนมกล้วย สินค้าที่พัฒนาขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจนกลายเป็นรสชาติสุดฮิตของเด็กและวัยรุ่น ขยายเข้าไปจำหน่ายยังร้านแมคโดนัลด์

ขณะเดียวกันก็พยายามเข้าไปยังไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ อาทิ ร่วมกับร้านไอศกรีมไอเบอร์รี่ พัฒนาไอศกรีม "นมกล้วย" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่โฟร์โมสต์จะดำเนินการอย่างเข้มข้นในปีนี้ นอกเหนือจากภารกิจสำคัญของผู้นำตลาดนมพร้อมดื่มเมืองไทยที่ต้องการกระตุ้นให้คนไทยหันมาดื่มนมมากขึ้น ผ่านการนำทัพของ "ชนินทร์ อรรจนานันท์" กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีสแลนด์ คัมพิน่า (ประเทศไทย)

- พฤติกรรมการบริโภคนมของคนไทย

ปริมาณการบริโภคนมของประเทศไม่เท่ากับปริมาณการผลิต เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องแก้ คือรณรงค์ให้คนไทยดื่มนมให้มากขึ้น การบริโภคนมของคนไทยค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียง โดยเฉลี่ยประมาณ 14.19 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่อัตราการดื่มนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และของโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตรต่อคนต่อปี (เทียบกับคนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เฉลี่ย 58 ลิตร/คน/ปี)

"เป๊ปซี่"ดึง"สิงห์"ร่วมทุนตั้งโรงงาน ควงคู่รุกตลาดน้ำอัดลมเต็มตัว-เสียบแทนเสริมสุข


"เป๊ปซี่-โค" เดินหน้ารุกตลาดน้ำดำเต็มสูบ หลังยุติความสัมพันธ์เสริมสุข ดึงยักษ์ใหญ่บุญรอดฯ เป็นพันธมิตรใหม่ เพิ่มสเกล ดึงร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตน้ำอัดลม จากเดิมแค่ขอให้รับจัดจำหน่าย คาดหลังหมดสัญญา 1 พ.ย. 55 ปูพรม "เป๊ปซี่กระป๋อง-ขวดพีอีที" ทุกตลาด พร้อมอุดรอยรั่ว "ตู้แช่-ร้านอาหาร" ซึ่งเคยเป็นหัวขบวนแซงหน้าโค้ก แต่ติดปัญหา "ขวดแก้ว" ขาดหนัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยสัญญาระหว่างเป๊ปซี่-โค กับบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับผิดชอบผลิตและจัดจำหน่ายเป๊ปซี่มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปีจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทำให้เป๊ปซี่-โค ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มระดับโลกต้องเร่งหาทางออกเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในไทย ทั้งการผลิตและการกระจายสินค้า เพื่อทำให้ธุรกิจไม่สะดุด และไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งสำคัญอย่าง "โค้ก" อาศัยจังหวะนี้แซงหน้าไป

ไม่นานมานี้เป๊ปซี่-โคได้ทุ่มงบฯกว่า 4,000 ล้านบาท ซื้อโรงงานจากซานมิเกล บนพื้นที่ 95 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อปรับปรุงเป็นโรงงานผลิตน้ำอัดลม

Wednesday 25 April 2012

โออิชิขยายโรงงาน3พันล้าน


โออิชิ อัด 3,000 ล้าน ลงทุนโรงงานเก่า ขยายพื้นที่โรงงานใหม่ และครัวกลางแห่งใหม่ เผยกำลังมองหาพื้นที่นอกนวนคร พร้อมเดินแผนรีเฟรชแบรนด์ ชาคูลล์ซ่า  ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการขายจาก 150 ล้าน เป็น 1,200 ล้าน ปลายปีเตรียมนำโออิชิบุกตลาดต่างประเทศ เล็ง 5 ปี ดันสัดส่วนยอดขายเพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบัน ทำรายได้ 150 ล้าน จากยอดรายได้รวม 9,500 ล้าน พร้อมดึงเสริมสุข เสริมกำลังขยายช่องทางขาย

นายแมทธิว กิจโอธาน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บมจ.โออิชิ กรุ๊ป(OISHI) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปีนี้บริษัทได้ลงทุนโรงงาน รวมถึงการเพิ่มครัวกลางสำหรับแบรนด์อาหารโออิชิ รวมทั้งการขยายสาขาของร้านอาหารโออิชิ อีก 30 สาขา ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังมองหาพื้นที่ใหม่ในการจัดตั้งโรงงานและครัวกลางแห่งใหม่ ส่วนโรงงานที่นวนคร ลงทุนเครื่องจักรใหม่ด้วยงบอีก 1,500 ล้านบาท อยู่ระหว่างการติดตั้ง และทดสอบเครื่องจักร คาดว่าจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ประมาณเดือนสิงหาคม 2555 นี้

Monday 9 April 2012

MOCCONA REAFFIRMS THAI COMMITMENT


Andi Chandra (second from right) with actor Louis Scott, the Moccona brand ambassador, at a briefing yesterday.

Sara Lee Coffee & Tea (Thailand) Ltd, the producer of Moccona instant coffee, insists it will continue its investment in Thailand by resuming coffee production at Navanakorn Industrial Estate in Pathum Thani.

General manager Andi Chandra said the company resumed its Moccona production last month after the factory was shut down since October due to flooding.

Monday 26 March 2012

P&G ในลู่วิ่งอาเซียน ขับเคลื่อนด้วยสินค้า "บิวตี้"



พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล หรือ "พีแอนด์จี" ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคอันดับ 1 ของโลก ถึงวันนี้เป็นปีครบรอบ 25 ปีที่การดำเนินธุรกิจในไทย ขณะที่ทั่วโลกเป็นการก้าวสู่ปีที่ 175 สถานะของพีแอนด์จีไทยวันนี้คือ "ศูนย์กลางของอาเซียน" ที่ถือเป็นตลาดที่มีสัดส่วนรายได้มากที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นฐานการส่งออกสินค้าเกี่ยวกับ "บิวตี้แคร์" คือกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและดูแลผิวที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และทำให้ไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญของยักษ์ใหญ่รายนี้

Monday 6 February 2012

PEPSI PURCHASES B2BN FRUIT JUICE FACTORY


Popular DJ Pongsatorn Jongwilas (left) and actress Urassaya ‘Yaya’ Sperbund (second right) were named Lipton’s new presenters yesterday. Joining the ceremony were Parinya Permpanich (right), Serm Suk’s marketing and sales director, and Jesdakorn Taratip, the marketing director for beverages at Pepsi-Cola (Thai) Trading. WISIT THAMNGERN

US beverage giant PepsiCo has devised a "Plan B" in the event it loses its tussle with its Thai bottler Serm Suk Plc by quietly taking over the San Miguel beverage factory in Thailand to establish its own production base.

The company wants to extend its soft drink business after its bottling contract with Serm Suk ends in October this year.

A source in the beverage industry said Pepsi-Cola (Thai) spent 4 billion baht to set up its own soft drink facility. It bought the 95-rai fruit juice factory at Amata City Industrial Estate in Rayong from the Philippines' largest brewer, San Miguel, in the past two months for 2 billion baht.

San Miguel entered Thailand's juice market in 2007 with Berri, a 100% fruit juice.

Prior to selling its fruit juice factory to Pepsi, San Miguel made an offer to Tan Passakornnatee, the founder of Ichitan Group, for 600-700 million baht.

San Miguel still operates its beer factory in Pathum Thani province.

Sunday 5 February 2012

PEPSI ดัน 3 เครื่องดื่ม ขึ้นทำเนียบแบรนด์พัน ล.ดอลลาร์


เป๊ปซี่ โค ยักษ์อาหารและเครื่องดื่มของโลก ประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เครื่องดื่ม 3 แบรนด์ของบริษัท ได้แก่ น้ำอัดลมสี "ไดเอท เมาเท่น ดิว" (Diet Mountain Dew), ชาพร้อมดื่มบริสก์ ที (Brisk tea), และกาแฟพร้อมดื่มบรรจุขวด "สตาร์บัคส์" กลายเป็นเครื่องดื่มตัวล่าสุดที่มียอดขายแตะ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ช่วยเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ 1 พันล้านเหรียญของเป๊ปซี่ให้เพิ่มขึ้น

หนังสือพิมพ์ชิคาโก ไทรบูนส์ รายงานว่า ปัจจุบันเป๊ปซี่ โค ยักษ์เครื่องดื่มจากสหรัฐอเมริกา มีแบรนด์ที่มียอดขายแตะ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐอยู่ถึง 22 ตัว อาทิ เป๊ปซี่, ไอเดท เป๊ปซี่, เป๊ปซี่ แม็กซ์, เกเตอเรด, ทรอปิคานา, โดริโทส, ชีโตส, เควกเกอร์ ฯลฯ

Thursday 2 February 2012

4ยักษ์คอนซูเมอร์ยึดอาเซียน! "เสี่ยเจริญ-สหพัฒน์-โอสถสภา-สิงห์"เฮโลทุ่มทุน


ยักษ์สินค้าอุปโภคบริโภคไทยดาหน้าบุกประเทศเพื่อนบ้านรับเออีซี "สหพัฒน์" ส่งมือดี "สันติ วิลาสศักดานนท์" ดูลู่ทางลงทุนพม่า "ตรางู" ตั้งบริษัทใหม่รับตลาดเสรี "เบอร์ลี่ยุคเกอร์" ทุ่มเจาะเวียดนามผุดโรงงานแก้ว ด้าน "สิงห์" ประเดิมตั้งทีมเฉพาะกิจบุกอินโดจีน นายกสมาคมตลาดชี้ "พม่า" ดาวรุ่ง แนะธุรกิจไทยเร่งลงทุนปีนี้ก่อนเปิดประเทศเหตุต้นทุนต่ำ


ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่จะเริ่มเปิดเสรีอย่างเป็นทางการในปี 2558 ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ ของทุกประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศไทยที่เรียกว่ามีธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับแนวหน้าอยู่เป็นจำนวนมากที่มีความพร้อมทั้งเงินลงทุน บุคลากร เทคโนโลยีต่าง ๆ ถึงชั่วโมงนี้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะค่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่สัญชาติไทย 4 ค่ายยักษ์ ที่ประกาศนโยบายอย่างชัดเจนที่จะกระโดดเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ประกอบด้วย เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ของเจริญ สิริวัฒนภักดี กลุ่มสหพัฒน์ โอสถสภา และเบียร์สิงห์

Tuesday 24 January 2012

ดอกบัวคู่ส่ง"รังนก"รับเทรนด์สุขภาพ ปูพรมยี่ปั๊ว-งัดกลยุทธ์ราคาเขย่า"แบรนด์-สก็อต"


ดอกบัวคู่ขยายไลน์ธุรกิจ เปิดตัวอาหารเสริม "รังนก" เจาะตลาด ใช้จุดได้เปรียบความเป็นเจ้าของวัตถุดิบ "บ้านรังนก" ที่ปากพนัง ชูจุดขายเพิ่มปริมาณเนื้อรังนก 2 เท่าสู้ผู้นำ แบรนด์-สก๊อต เจาะยี่ปั๊ว โชห่วย พร้อมปูพรมกูร์เมต์ มาร์เก็ต เดอะ มอลล์ทุกสาขา เดินหน้าสร้างแบรนด์ โรดโชว์-ชงชิม หวังผู้บริโภคทดลองมากที่สุด ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าปีนี้


นายปิติ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้ขยายไลน์ธุรกิจด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "รังนก" ภายใต้แบรนด์ "ดอกบัวคู่" โดยทดลองตลาดตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และจะเริ่มรุกตลาดมากขึ้นในปีนี้ ปัจจุบันมีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปที่เป็นเทรดดิชั่นนัล โดยใช้หน่วยจัดจำหน่ายของบริษัทเป็นผู้กระจายสินค้าด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตของ เดอะมอลล์ทุกสาขา โดยปีนี้จะเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เน้นที่บีโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก อาทิ การโรดโชว์ และจัดชงชิมตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้ามากที่สุด

Next Step ไทยเบฟฯ เปลี่ยน “ช้าง” ไทยให้อินเตอร์

เบื้องหลัง ช้างเอ็กซพอร์ตคือ ก้าวสำคัญอีกครั้งของไทยเบฟฯ มองช้ามช็อต ปูทางไปสู่ตลาดโลก โดยสร้างBrand Identity ใหม่ สลัดทิ้งภาพเบียร์ไทย สู่ภาพความเป็นแบรนด์วัยรุ่นอินเตอร์ เลือกใช้เอเยนซี่ระดับแถวหน้าจากโซโห นิวยอร์กที่เคยปั้นแบรนด์เป๊ปซี่จนสำเร็จมาแล้ว พร้อมทุมงบมหาศาลกว่า 1,400 ล้านบาท เพื่อแจ้งเกิดแบรนด์ช้างในต่างประเทศและไทย
ไทยเบฟฯ เลือกแถลงข่าว ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีผู้บริหารมาอย่างพร้อมเพรียง แต่บนเวทีฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยกให้ แมทธิว กิจโอธาน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นผู้แถลงข่าว ขณะที่ตัวเขานั่งฟังอย่างอารมณ์ดี เพราะเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลง Brand Identity และการรุกตลาดแบบครบเครื่องจะทำให้มียอดขาย ณ สิ้นปี 2555 ราว 36,000 ล้านบาท มาดูกันว่ารายละเอียดเบื้องหลังและกลยุทธ์ใดบ้างที่จะทำให้ช้างบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้
ต้องยอมรับว่า แม้ในตลาดภายในประเทศ ปี 2554 ไทยเบฟฯ จะมียอดขายของทุกผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ช้างกว่า 28,000 ล้านบาท แต่สำหรับตลาดเบียร์แล้ว ส่วนแบ่งตลาดของเบียร์ช้างยังตามหลังค่ายสิงห์อยู่ โดยค่ายบุญรอดมีส่วนแบ่งตลาด 64% ในขณะที่ค่ายเบียร์ช้างมีส่วนแบ่งตลาด 30%

Tuesday 10 January 2012

ค่ายใหญ่รุมแย่งแชร์สกินแคร์ชาย ตลาดโตกระฉูด-P&Gผนึกมอเตอร์สปอร์ตสู้ NIVEA


Photo Source: http://www.manager.co.th/
สกินแคร์ผู้ชายโตแบบฉุดไม่อยู่สิ้นปี"54 กว่า 35% รับพฤติกรรม ชายยุคใหม่ ใส่ใจตัวเองมากขึ้นพีแอนด์จีชี้แนวโน้มผู้ชายเลือกซื้อ สกินแคร์เอง พร้อมรุกตลาดเต็มที่ หวังดัน "โอเลย์เมน+ยิลเล็ตต์" ติด ลมบน ปลายปีที่แล้วส่งแคมเปญมอเตอร์สปอร์ตมัดใจชาย ตั้งเป้าปั้นอิมเมจขึ้นผู้นำความสวยความงามทั้งชายและหญิง
ที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตามไลฟ์สไตล์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ส่วนหนึ่งก็มาจากผู้ประกอบการหลายค่ายพากันกระโดดเข้ามาเล่น ช่วยปลุกให้ตลาดตื่นตัวขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคผู้ชายในยุคนี้มีความรู้ความเข้าใจกับการดูแลตัวเองมากขึ้น จากในอดีตที่มักใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองตามที่ผู้หญิงหรือแม่บ้านที่เป็นคนในครอบครัวซื้อ ก็หันมาเลือกซื้อสินค้าที่เหมาะสมกับตัวเอง
ค่ายที่มีการรุกตลาดอย่างน่าสนใจตลอดปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือ"พี แอนด์ จี" ที่ใช้กลยุทธ์ "มัลติแบรนด์" ที่มีทั้ง "โอเลย์-ยิลเล็ตต์" ช่วยกันผนึกกำลังมัดใจกลุ่มผู้ชายไทยที่มีแคแร็กเตอร์ที่แตกต่างกัน เพื่อต่อกรกับเบอร์ 1 "นีเวีย"


สินค้าผู้ชายบูมโต 35%

นายวรศิษย์ ตุรงค์สมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ประจำประเทศไทย บริษัท พี แอนด์ จี ประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรวมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เดือนมกราคม-พฤศจิกายน ปี 2554 มีมูลค่ากว่า 7,600 ล้านบาท มีการเติบโต 6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 แบ่งเป็นตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผู้หญิง กว่า 6,700 ล้านบาท เติบโตเพียง 3% ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผู้ชาย มูลค่ากว่า 880 ล้านบาท เติบโตถึง 34% มีการเติบโตทั้งปี มากกว่า 35%

หากดูแนวโน้มส่วนแบ่งระหว่างผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผู้ชายกับผู้หญิงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผู้ชายเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2552 ที่มีสัดส่วนเพียง 7% ของตลาดบำรุงผิวโดยรวม เพิ่มเป็น 9% ในปี 2553 และล่าสุดในปี 2554 เพิ่มเป็น 12% เช่นเดียวกับอัตราการเติบโต โดยเฉพาะในปี 2553 ที่เติบโตถึง 37% ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผู้หญิงเติบโตคงที่

"ปัจจัยการเติบโตในปีที่ผ่านมา ส่วนสำคัญมาจากผู้เล่นรายใหม่ ๆ ที่เข้ามาในตลาด ซึ่งมากขึ้นอย่างชัดเจน หากเทียบกับปี 2553 สำหรับพี แอนด์ จี ยังถือเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชาย โดยเพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลยุทธ์หลัก ๆ ของเรา คือเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดต่อเนื่อง ที่สำคัญต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย"

ปั้นอิมเมจสู่บิวตี้คอมปะนี

ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในปีนี้ ยังเดินหน้าโปรโมตผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้อย่าง ต่อเนื่อง โดยจะมีกิจกรรมและแคมเปญออกมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้า รวมไปถึงร่วมกิจกรรม ต่าง ๆ ผ่านช่องทางดิจิทัล อาทิ เฟซบุ๊กที่คอยสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้บริโภค ให้ผู้บริโภครู้จัก และได้รับความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงสร้าง แบรนด์อะแวร์เนสให้กับโอเลย์เมน และยิลเล็ตต์ สกินแคร์ รวมไปถึงการจัดทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้า

"โดยภาพรวม เราต้องการให้พี แอนด์ จี มีภาพลักษณ์ที่เป็นผู้นำทางด้านของ Beauty and Grooming ซึ่งไม่เพียงแต่ดูแลความงามของผู้หญิง แต่ดูแลภาพลักษณ์ของผู้ชายด้วยเช่นกัน"

ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้ชายของพี แอนด์ จี ประกอบด้วย 2 แบรนด์หลัก คือโอเลย์เมนและยิลเล็ตต์ โดยวางจุดขายที่แตกต่างกัน สำหรับโอเลย์ ด้วยความเป็นผู้นำสกินแคร์สำหรับผู้หญิงมาอย่างยาวนานมาเป็นจุดขายหลัก โดยนำเอาความเชี่ยวชาญในเรื่องของการบำรุงผิวมาพัฒนาเป็นโอเลย์เมน ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ ขณะที่ยิลเล็ตต์ ด้วยความเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์โกนหนวด ซึ่งเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน การเปิดตัวสกินแคร์ก็เพื่อให้ผู้บริโภคมีผลิตภัณฑ์กรูมมิ่งของยิลเล็ตต์อย่างเต็มระบบ เริ่มตั้งแต่การ เตรียมผิว โกนหนวด จนไปถึงการบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดี

เชื่อมมอเตอร์สปอร์ตย้ำแบรนด์

เพื่อกระตุ้นยอดขายในกลุ่มสินค้าสำหรับผู้ชาย ช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เปิดตัวแคมเปญกับมอเตอร์สปอร์ต "Champion Experience" หรือประสบการณ์แบบไม่ตามใคร ถือเป็น แคมเปญแรกที่ทางพี แอนด์ จี นำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกรูมมิ่งสำหรับผู้ชายมารวมเป็นแคมเปญโปรโมชั่นให้กับผู้บริโภค เพื่อสร้างอะแวร์เนสให้กับสินค้า และเอดูเคตให้ผู้บริโภครู้จักผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายของพี แอนด์ จี ทั้งนี้ การเลือกจับคู่แคมเปญกับมอเตอร์สปอร์ต เพราะมองว่าเป็นกิจกรรมที่ผู้ชายให้ความสนใจ และต้องการนำคอนเซ็ปต์ของมอเตอร์สปอร์ตมาเชื่อมกับ performance ของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอกย้ำแบรนด์มากขึ้น

ชายยุคใหม่ซื้อสกินแคร์ด้วยตัวเอง

นายวรศิษย์กล่าวอีกว่า แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคผู้ชายในช่วงปีที่ผ่านมา แบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ชัดเจนมากขึ้น อาทิ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงในกลุ่มพื้นฐาน กลุ่มไวท์เทนนิ่ง หรือแม้กระทั่งซื้อสินค้าตามเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เป็นผลมาจากการที่มีสินค้าสำหรับผู้ชายออกมาในตลาดที่มีความหลากหลายมากขึ้น และระดับราคาก็มีความหลากหลายมากขึ้นเช่นกัน

ในส่วนของตลาดแมส ปัจจุบัน พฤติกรรมการเลือกซื้อและบริโภคออกเป็นสองกลุ่มหลัก ๆ กลุ่มแรก จะเป็นผู้ชายที่มีไลฟ์สไตล์ชอบผจญภัย (adventurous) และมีลักษณะความเป็นชายสูง (masculine) ซึ่งจะชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง และเลือกซื้อสินค้าตามร้านสะดวกซื้อ โดยจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เห็นและหยิบง่าย ส่วนกลุ่มที่สอง เป็นผู้ชายที่มีความใส่ใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง และเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจและศึกษาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของตัวเองมากกว่ากลุ่มแรก โดยได้แรงบันดาลใจมาจากพฤติกรรมการเลือกซื้อแบบผู้หญิง


Thursday 5 January 2012

ธุรกิจเครื่องดื่มเปลี่ยนทิศ


ตลาดเครื่องดื่มมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทในปีนี้ แม้หลายกลุ่มเครื่องดื่มจะมีการถดถอย เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ร้อนมาก และวิกฤตการณ์น้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบกับโรงงาน และการกระจายสินค้า ทำให้เครื่องดื่มหลายประเภท

หลายแบรนด์ ยอดขายลดลงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ปี55 นี้ทิศทางตลาด ยังคงแข่งขันกันดุเดือด ผู้นำในตลาดมีแนวโน้มเปลี่ยนมือ เนื่องจากผลกระทบที่ยังต่อเนื่อง รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การเลือกบริโภคเครื่องดื่มไม่ได้เน้นแค่สุขภาพ แต่มีอารมณ์ ความต้องการ เข้ามาผนวก ทำให้ "แพ็กเกจจิ้ง" และ "นวัตกรรม" กลายเป็นเครื่องมือการตลาดสำคัญ ที่นักการตลาดไม่สามารถมองข้าม