Sunday 13 May 2012

"เป๊ปซี่"ดึง"สิงห์"ร่วมทุนตั้งโรงงาน ควงคู่รุกตลาดน้ำอัดลมเต็มตัว-เสียบแทนเสริมสุข


"เป๊ปซี่-โค" เดินหน้ารุกตลาดน้ำดำเต็มสูบ หลังยุติความสัมพันธ์เสริมสุข ดึงยักษ์ใหญ่บุญรอดฯ เป็นพันธมิตรใหม่ เพิ่มสเกล ดึงร่วมทุนสร้างโรงงานผลิตน้ำอัดลม จากเดิมแค่ขอให้รับจัดจำหน่าย คาดหลังหมดสัญญา 1 พ.ย. 55 ปูพรม "เป๊ปซี่กระป๋อง-ขวดพีอีที" ทุกตลาด พร้อมอุดรอยรั่ว "ตู้แช่-ร้านอาหาร" ซึ่งเคยเป็นหัวขบวนแซงหน้าโค้ก แต่ติดปัญหา "ขวดแก้ว" ขาดหนัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยสัญญาระหว่างเป๊ปซี่-โค กับบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับผิดชอบผลิตและจัดจำหน่ายเป๊ปซี่มาอย่างยาวนานกว่า 50 ปีจะสิ้นสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ทำให้เป๊ปซี่-โค ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มระดับโลกต้องเร่งหาทางออกเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในไทย ทั้งการผลิตและการกระจายสินค้า เพื่อทำให้ธุรกิจไม่สะดุด และไม่เปิดโอกาสให้คู่แข่งสำคัญอย่าง "โค้ก" อาศัยจังหวะนี้แซงหน้าไป

ไม่นานมานี้เป๊ปซี่-โคได้ทุ่มงบฯกว่า 4,000 ล้านบาท ซื้อโรงงานจากซานมิเกล บนพื้นที่ 95 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง เพื่อปรับปรุงเป็นโรงงานผลิตน้ำอัดลม



อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่ทุกฝ่ายจับตามองล่าสุด คือเป๊ปซี่-โคได้ชักชวนกลุ่มเบียร์สิงห์-บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เข้ามาร่วมลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำอัดลมเป๊ปซี่ จากก่อนหน้านี้ได้ชักชวนให้เป็นผู้จัดจำหน่ายและกระจายสินค้า เนื่องจากบุญรอดฯเป็นธุรกิจเครื่องดื่ม พรั่งพร้อมด้วยเงินทุน บุคลากร และเครือข่ายร้านค้ากว้างขวางที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ คล้าย ๆ กับบทบาทของเสริมสุขในอดีต
ดึงบุญรอดฯร่วมทุนสร้างโรงงาน

แหล่งข่าวในวงการผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เป๊ปซี่-โคกำลังเร่งเจรจากับกลุ่มบริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด เพื่อเป็นผู้จัดจำหน่ายเป๊ปซี่และเครื่องดื่ม

อื่น ๆ ในเครือ ล่าสุดเป๊ปซี่-โคได้ยื่นข้อเสนอให้บุญรอดฯร่วมลงทุนสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มใหม่ แม้ว่าจะมีโรงงานซึ่งซื้อมาจากซานมิเกลแล้ว 1 แห่ง จากที่ผ่านมาเสริมสุขมีโรงงานรับผลิตให้กับเป๊ปซี่ถึง 5 แห่ง

การยื่นข้อเสนอครั้งนี้เป๊ปซี่-โคต้องการข้อสรุปโดยเร็ว ก่อนสัญญาการจัดจำหน่ายน้ำอัดลมชื่อก้องโลกกับบริษัทเสริมสุขจะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเป๊ปซี่กับบริษัทเสริมสุขสิ้นสุดลง เมื่อฝ่ายหลังได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นทั้งหมด จากที่เคยเป็นของตระกูลบุลสุข เปลี่ยนเป็นธุรกิจในเครือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี และตกลงยกเลิกสัญญาที่มีอยู่เดิม ทำให้เป๊ปซี่-โคต้องเข้ามาเป็นผู้ผลิตและทำตลาดน้ำอัดลมเอง

ขณะที่แหล่งข่าวในบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ ยอมรับว่า เป๊ปซี่-โคได้ยื่นข้อเสนอกับบุญรอดฯ ทั้งการเป็นพันธมิตรกระจายสินค้า รวมทั้งจับมือกัน เพื่อตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มขึ้นมาใหม่จริง แต่ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ

ตอบโจทย์ทั้งผลิต-จัดจำหน่าย

ผู้เกี่ยวข้องในวงการเครื่องดื่มวิเคราะห์ว่า หากผลเจรจากับบุญรอดฯลงตัว จะทำให้การรุกตลาดเครื่องดื่มของยักษ์น้ำดำรายนี้คล่องตัว ทั้งการกระจายสินค้า และสนับสนุนขวดแก้ว เนื่องจากบุญรอดฯ มีเครือข่ายเอเย่นต์ และซับเอเย่นต์เครื่องดื่ม กระจายสินค้าสู่ร้านค้ายย่อยทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีบริษัท บางกอกกล๊าส เป็นโรงงานผลิตขวด

อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกการรุกตลาดของเป๊ปซี่ อาจมีปัญหาขาดแคลนขวดแก้ว เนื่องจากขวดเดิมเป็นของเสริมสุข ส่งผลต่อตลาดกลุ่มตู้แช่ ซึ่งเดิมเป๊ปซี่แข็งแกร่งเหนือกว่าโค้กมาก เพราะฉะนั้นช่วงแรก เป๊ปซี่จะต้องเน้นการทำตลาดด้วยขวดพีอีที และกระป๋องแคน โดยมุ่งไปที่ช่องทางโมเดิร์น ขณะเดียวกัน มีนโยบายเพิ่มน้ำหนักกับเครื่องดื่มกลุ่มน็อนคาร์บอเนต (ไม่อัดก๊าซ) มากขึ้น สอดรับกับเทรนด์ของธุรกิจเครื่องดื่ม และเป๊ปซี่ประสบความสำเร็จมาแล้วในหลาย ๆ ประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในหลาย ๆ ประเทศได้เปลี่ยนจากขวดแก้ว มาเป็นขวดพีอีที และกระป๋องแคน ส่วนในประเทศไทย แม้ว่าเครื่องดื่มส่วนใหญ่จะยังใช้ขวดแก้ว แต่แนวโน้มในอนาคตจะค่อย ๆ ปรับไปใช้ขวดพีอีที และกระป๋องแคน เนื่องจากระบบการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่เป็นขวดแก้ว (รีเทิร์นนาเบิล) มีขั้นตอนยุ่งยาก ต้องมีค่ามัดจำขวด มีต้นทุนเก็บขวดกลับมาทำความสะอาด ประกอบกับช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะโมเดิร์นเทรดให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มกลุ่ม "วัน-เวย์" เพื่อลดภาระในการรับคืนขวด

เร่งยกเครื่องโรงงานซานมิเกล

แหล่งข่าวในวงการเครื่องดื่มเปิดเผยว่า เป๊ปซี่-โคได้ระดมทีมงาน โดยเฉพาะในส่วนโรงงานจำนวนมาก เพื่อเร่งขยายโรงงานในเฟส 2 ให้ทันกับกำหนดเวลาสิ้นสุดสัญญากับเสริมสุขในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกเหนือจากไลน์ผลิตขวดพีอีทีเดิม เป๊ปซี่ตัดสินใจสร้างไลน์เครื่องดื่มกลุ่มขวดแก้วด้วย ซึ่งพื้นที่โรงงานกว้างขวางพอจะทำได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะทันกำหนดเวลาหรือไม่ และต้องดูว่าเป๊ปซี่จะแก้ปัญหาอย่างไร

"ขวดแก้วหรือขวดคืนในช่องทางร้านค้าทั่วไปและร้านอาหาร ถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของตลาดน้ำอัดลม และเป๊ปซี่ครองความเป็นเจ้าตลาดในช่องทางนี้ โดยจากนี้ต้องติดตามต่อไปว่าเป๊ปซี่จะเลือกซัพพลายขวดจากที่ไหน"

รายงานข่าวระบุว่า การดำเนินงานโรงงานระยองจะถูกแบ่งเป็นเฟสแรก ปรับปรุงอาคารและสาธารณูปโภคเดิม ใช้เป็นโรงงานบรรจุขวดพีอีที พร้อมติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติม และขยายพื้นที่ส่วนคลังสินค้า ส่วนเฟส 2 เป็นพื้นที่ต่อขยายใหม่ เพื่อรองรับไลน์ผลิตอื่น ๆ

No comments:

Post a Comment