Sunday 13 May 2012

FOREMOST งัดกลยุทธ์ผู้นำ ชูคุณภาพส่ง "นมออร์แกนิก" ปลุกตลาดปีหน้า


ปีนี้เป็นปีที่ "โฟร์โมสต์" มีความเคลื่อนไหวในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะกับการขยายช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น อาทิ การนำนมกล้วย สินค้าที่พัฒนาขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจนกลายเป็นรสชาติสุดฮิตของเด็กและวัยรุ่น ขยายเข้าไปจำหน่ายยังร้านแมคโดนัลด์

ขณะเดียวกันก็พยายามเข้าไปยังไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ อาทิ ร่วมกับร้านไอศกรีมไอเบอร์รี่ พัฒนาไอศกรีม "นมกล้วย" ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่โฟร์โมสต์จะดำเนินการอย่างเข้มข้นในปีนี้ นอกเหนือจากภารกิจสำคัญของผู้นำตลาดนมพร้อมดื่มเมืองไทยที่ต้องการกระตุ้นให้คนไทยหันมาดื่มนมมากขึ้น ผ่านการนำทัพของ "ชนินทร์ อรรจนานันท์" กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีสแลนด์ คัมพิน่า (ประเทศไทย)

- พฤติกรรมการบริโภคนมของคนไทย

ปริมาณการบริโภคนมของประเทศไม่เท่ากับปริมาณการผลิต เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องแก้ คือรณรงค์ให้คนไทยดื่มนมให้มากขึ้น การบริโภคนมของคนไทยค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียง โดยเฉลี่ยประมาณ 14.19 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่อัตราการดื่มนมโดยเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และของโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตรต่อคนต่อปี (เทียบกับคนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เฉลี่ย 58 ลิตร/คน/ปี)



- โฟร์โมสต์มีแผนรณรงค์อย่างไร

เราจัดโครงการ "ดื่มนมให้โลกเห็น" หรือ "Thai Drink Milk" ชักชวนให้คนไทยถ่ายรูปตัวเองขณะดื่มนม แล้วส่งมาที่ www.Thaidrinkmilk.com โดยทุกหนึ่งรูปที่ส่งเข้ามา เราจะบริจาคนมหนึ่งกล่องให้แก่ผู้ขาดแคลน ผ่านสภากาชาดไทย โดยตั้งเป้าไว้ที่ไม่เกิน 1 ล้านกล่อง ในระยะเวลา 1 เดือน นับตั้งแต่ 1-31 พฤษภาคม 2555 และเราจะปิดโครงการนี้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2555 ซึ่งเป็นวันดื่มนมโลก ถ้าสามารถรวบรวมภาพได้ถึง 4 แสนภาพ ภายในระยะเวลา 1 เดือนได้ เราอาจจะทำลายสถิติ Guinness World of Records ได้ด้วย นมที่บริจาคจะเป็นนม UHT ขนาด 225 มิลลิลิตร

- ดีมานด์-ซัพพลายนมในตลาดไทย

ภาวการณ์นมล้นตลาดเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมปีที่แล้ว ทำให้โรงงานใหญ่ ๆ 2-3 โรงงาน ได้รับผลกระทบหยุดซื้อนม เป็นผลให้เกษตรกรที่เคยส่งนมให้กับโรงงานเหล่านั้นไม่สามารถส่งนมได้ เกิดภาวะน้ำนมดิบล้นระบบ จึงเป็นปัญหาของส่วนรวมจนถึงขณะนี้ ตัวเลขคร่าว ๆ ปริมาณการผลิตนมพาณิชย์เวลานี้อยู่ที่ 1,200 ตัน/วัน นมโรงเรียนอยู่ที่ 1,000 กว่าตัน/วัน ซึ่งโดยรวมแล้วอยู่ที่ 2,500 ตัน/วัน

ส่วนที่เป็นปัญหาคือนมพาณิชย์ เพราะยังมีโรงงานที่ยังไม่สามารถรับซื้อนมได้อยู่ จึงทำให้มีนมล้นระบบถึง 100-200 ตัน/วัน ขณะนี้รัฐบาลใช้เงินช่วยเหลือซื้อนมจำนวนนี้มาผลิตเป็นนม UHT เพื่อเป็นนมโรงเรียน

- โฟร์โมสต์ตั้งเป้าเพิ่มการบริโภคนมอย่างไร

เมื่อเทียบกับการเติบโตของเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ นมยังมีการเติบโตที่ต่ำ ถ้าเราสามารถทำให้นมเติบโตได้เท่ากับเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ก็พอใจแล้ว เราอยากเห็นอัตราการเติบโตของนมไม่ต่ำกว่าปีละ 10%

- รับมือกับการเปิด "เออีซี" อย่างไร

การพัฒนาฟาร์มโคนมมีความสำคัญมาก เพราะในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ภาพการแข่งขันจะเปลี่ยน เพื่อนบ้านเราคือเวียดนาม มีการพัฒนาที่เร็วมาก บริษัทนมของเขาได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาล ทำให้เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแผนในการบุกอาเซียนอย่างเต็มตัว วันนี้นมดิบของไทยผู้ผลิตรับซื้อในราคา 18 บาท/กิโลกรัม ขณะที่เวียดนามน้ำนมดิบราคา 14-15 บาท/กิโลกรัม

ดังนั้นอนาคตข้างหน้าอุตสาหกรรมนมของไทยต้องพัฒนาไปทั้งเกษตรกรและ

ผู้ผลิตนม เพราะถ้าหากต้นทุนของน้ำนมดิบเราไม่สามารถต่อสู้ได้ในตลาดอาเซียน นั่นหมายถึงสินค้าของตลาดเพื่อนบ้านที่มีต้นทุนถูกกว่าก็มาตีตลาดได้ แม้จะไม่ได้เข้ามาในรูปน้ำนมดิบ ผมเชื่อว่าเขาจะสามารถส่งสินค้าสำเร็จรูปเข้าจำหน่ายได้ เนื่องจากต้นทุนน้ำนมดิบที่ถูกกว่า นั่นหมายความว่าเราจะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับประเทศที่มีต้นทุนน้ำนมดิบถูกกว่า และจะทำให้เกษตรกรไม่สามารถขายน้ำนมดิบได้ นี่เป็นปัญหาสำคัญที่เกษตรกรต้องรีบปรับตัว

- โฟร์โมสต์มีการปรับตัวอย่างไร

เราได้ริเริ่มทำโครงการที่เรียกว่า DDP หรือ Dairy Development Program ระดมผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศเข้าไปให้ความรู้แก่เกษตรกรในระดับฟาร์ม เพื่อพัฒนาคุณภาพและลดต้นทุน ถ้าเราสามารถเพิ่มผลผลิตของวัว/ตัว/วันโดยที่ต้นทุนเท่าเดิม เท่ากับต้นทุนเราถูกลง หรือถ้าเราสามารถลดต้นทุนในการเลี้ยงวัว/ตัว ก็คือเป็นการลดต้นทุนโดยรวมด้วยเช่นกัน นั่นหมายถึงว่าแรงจูงใจ หรือผลกำไรของเกษตรกรมีมากขึ้น โครงการนี้จะเปิดตัวในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ เราจะพาสื่อมวลชนไปดูฟาร์ม ศูนย์นมตัวอย่าง ที่เราพัฒนาจนมาเป็นแถวหน้าของเอเชีย

อีกโครงการหนึ่งที่ต้องการพัฒนาคือนมอินทรีย์ หรือ organic milk ซึ่งโฟร์โมสต์เซ็นสัญญากับศูนย์ที่เขาสอยดาว จ.จันทบุรี ใช้ชื่อโครงการว่า "นมอารมณ์ดี นมอินทรีย์เขาสอยดาว" โดยบริษัทส่งเสริมสนับสนุนให้เกษตรกรปรับปรุงการผลิตนมให้เป็นกระบวนการอินทรีย์ทั้งหมด เพราะนี่คือเทรนด์และแนวโน้มของตลาดโลกในปัจจุบันและอนาคต ที่ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ปลอดสารพิษ

โครงการนมอินทรีย์ที่เขาสอยดาว ตอนนี้มีวัวเข้าร่วมโครงการประมาณ 900 ตัว เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างบริษัทฟรีสแลนด์ คัมพิน่า ประเทศไทย, สหกรณ์โคนมสอยดาว และกรมปศุสัตว์ คาดว่าโครงการนี้จะทำออกมาเป็นเชิงพาณิชย์ประมาณต้นปี 2556

No comments:

Post a Comment