Monday 21 May 2012

จุดเปลี่ยนตลาด "น้ำดำ" 3 ค่ายเป๊บปซี่ โค้ก บิ๊กโคล่าปรับทัพชิงอันดับใหม่!!


ตลาด น้ำอัดลมมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท ขณะนี้น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ "ท็อปทรี" ทั้งเป๊ปซี่ โค้ก และบิ๊กโคล่า ต่างมี "การปรับเปลี่ยน" ครั้งใหญ่ ถึงขนาดที่ว่าอาจสามารถ "ชี้เป็น ชี้ตาย" ความเป็นไปและอันดับทางการตลาดของน้ำอัดลมเมืองไทยหลังจากนี้

อย่าง ที่รู้กันว่าสำหรับเป๊ปซี่แล้ว นับจากทำตลาดในไทยมากว่า 50 ปี ไม่มีปีไหนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบ "ยกเครื่อง" ขนาดนี้ เป๊ปซี่ต้องเริ่ม "นับหนึ่งใหม่" ในการทำธุรกิจ หลังจากสิ้นสุดสัญญากับ "เสริมสุข" ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

ขณะที่โค้ก นอกจากมีการตั้งแผนกเครื่องดื่มไม่อัดลมออกมาต่างหากแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารที่เข้ามารับผิดชอบดูแลกลุ่มน้ำอัดลม รวมถึงยกเครื่องแผนดำเนินธุรกิจหันมาทำตลาดแบบเชิงรุก

เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ในจังหวะที่เป๊ปซี่กำลังเพลี่ยงพล้ำอยู่ในขณะนี้



เป้า หมายของโค้กก็คือขึ้นเป็นเบอร์ 111  เหมือนที่ทำได้ในประเทศอื่นๆ ซึ่งสามารถครองความเป็นผู้นำได้อย่างเบ็ดเสร็จ รวมถึงสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นบริษัทแม่ ต้นกำเนิดน้ำอัดลมที่ปัจจุบันสามารถผลักแบรนด์ "เป๊ปซี่" ตกอันดับไปอยู่ที่ 3 ของตลาดได้สำเร็จ เมื่อไดเอทโค้ก สามารถขึ้นแซงเป็นที่ 2 ได้ตั้งแต่ปี 2553

วันนี้สถานการณ์ในไทยก็ดูจะเป็นใจให้กับน้ำอัดลมเบอร์ 1 ของโลกรายนี้อย่างยิ่ง

แหล่ง ข่าวในวงการน้ำอัดลมระบุว่า ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดของโค้ก และเป๊ปซี่ ในช่องทางร้านค้าที่ไม่นับรวมร้านอาหาร ถือว่าสูสีกันอย่างยิ่ง

"แต่ก่อนทั้งคู่ห่างกันพอสมควร แต่วันนี้เบอร์ 1 ส่วนแบ่งตลาดตกลงมา ขณะที่โค้กก็มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ"

แต่ จริง ๆ แล้วแรงกดดันของเป๊ปซี่ ไม่ได้มีแค่โค้กเท่านั้น เพราะวันนี้ "ศึกหนัก" ที่ยักษ์ใหญ่รายนี้ต้องเผชิญ ยังมีแบรนด์อันดับ 3 "บิ๊กโคล่า" แบรนด์น้ำอัดลมจากประเทศเปรู ที่เข้าสู่ตลาดไทยมานาน 4 ปี ที่นับวันก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ

ล่าสุดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของ "อาเจ กรุ๊ป" ยักษ์เครื่องดื่มจากละตินอเมริการายนี้คือ การทุ่มงบฯ 500 ล้านบาท ปรับโฉมบิ๊กโคล่า ทั้งการปรับแพ็กเกจจิ้ง และโลโก้ทั่วเอเชีย เพื่อยกภาพลักษณ์และตอบโจทย์ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ หลังจากมีการรีแบรนดิ้งมาก่อนหน้านี้ที่ละตินอเมริกา

สิ่งที่น่าจับ ตาที่สุดของ "บิ๊กมูฟ" ครั้งนี้คือ ปัจจุบันประเทศไทยกลายเป็นฐานธุรกิจที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ "บิ๊กโคล่า" โดยมียอดขายขึ้นแซงเม็กซิโก ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

ดังนั้นแทบไม่ต้องเดาว่าหลังจากนี้ ทางอาเจ กรุ๊ป จะมีการทุ่มสรรพกำลังทุกอย่างลงมาที่ตลาดไทยมากขนาดไหน

"ฆอร์เก้ โลเปซ ดอริกา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจ กรุ๊ป ระบุว่า บิ๊กโคล่าเป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดเพียง 12 ปี แต่สามารถขึ้นเป็นอันดับ 2 และ 3 ของทุกประเทศที่บริษัทเข้าไปทำตลาด ปัจจุบันมีทั้งหมด 20 ประเทศ แบ่งเป็นละตินอเมริกา 16 ประเทศ และเอเชีย 4 ประเทศ

"แผนธุรกิจของเราจากนี้คือการโฟกัสในเอเชีย ที่มีการเติบโตอย่างมากทั้ง 4 ประเทศ โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ บิ๊กโคล่าในอินเดียมีการเติบโต 300% อินโดนีเซีย 400% ไทย 38% และเวียดนาม 30%"

ด้าน "วิทยา ลิมปิวัฒนาภรณ์" ผู้จัดการฝ่ายการตลาด อาเจ ไทย ระบุว่า ปัจจุบันบิ๊กโคล่ามีส่วนแบ่งตลาด 18% จากมูลค่าตลาด 40,000 ล้านบาท และตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดเกิน 20%ในปีนี้และ

เป็นเบอร์ 2 อีกใน 5 ปีข้างหน้า แต่ผมก็ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นเราจะแซงใคร เป๊ปซี่ หรือโค้ก

นอกจากความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของแต่ละค่ายแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ในปีนี้ที่อาจส่งผลต่อส่วนแบ่งตลาดของแต่ละค่าย

"เรา เป็นแบรนด์ที่วางนโยบายเรื่องคุ้มค่าคุ้มราคา ทำให้เป็นโอกาสสำหรับช่วงยุคข้าวยากหมากแพงในขณะนี้ เห็นชัดจากการเติบโตของเราในช่วงที่ผ่านมา" รวมถึง "บิ๊กอีเวนต์" กีฬาที่จะเกิดขึ้นทั้ง "ฟุตบอลยูโร 2012" และ "โอลิมปิก" ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งได้ เมื่อทั้ง 3 ค่ายทั้งเป๊ปซี่ โค้ก และบิ๊กโคล่า ต่างเดินหน้า "สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง" แบบเต็มสตรีม

เป็นปีแห่งการ "เปิดศักราชใหม่" ที่ยังเดาไม่ถูกว่า ใครจะขึ้น ใครจะลง

ต้องติดตาม

No comments:

Post a Comment