Tuesday 2 August 2011

"บิ๊กโคล่า"เดินหน้ามัดใจเด็กมัธยม จับมือเซเว่นฯเปิดตัว"ไซซ์เล็ก"-ชูพรีเซ็นเตอร์กิมจิ

บิ๊ก โคล่าทุ่มงบฯลงทุนไม่ยั้งรับการเติบโต อัด 3.5 พันล้าน ขยายกำลังผลิตน้ำอัดลม-ตั้งโรงงานผลิตฝาขวด ชี้ตลาด 6 เดือนแรกนิ่งหลังสภาพอากาศไม่เป็นใจ ขณะที่บิ๊ก โคล่าโตสวนกระแส 20% เดินหน้าเพิ่มสัดส่วนโมเดิร์นเทรด ผุดไซซ์เล็กหวังขึ้นผู้นำน้ำอัดลมแบบกระป๋อง-วันเวย์ปีหน้า มั่นใจสิ้นปีมาร์เก็ตแชร์ 25%


นายชนินทร์ เทียนเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจ ไทย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มบิ๊ก โคล่า เปิดเผยว่า การเติบโตของธุรกิจทำให้ปีนี้บริษัทต้องทุ่มงบฯลงทุน 3,500 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตเครื่องดื่มอีก 2 ไลน์ ใช้งบฯ 500 ล้านบาท และอีก 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตฝาขวดน้ำอัดลม ปัจจุบันมีกำลัง ผลิต 100 ล้านขวดต่อเดือนซึ่งเป็นกำลังผลิตเพียง 60% คาดว่ายังรองรับการเติบโตได้อีกหลายปี

ขณะเดียวกันปีนี้ก็เน้นเติมเต็ม ช่องทางโมเดิร์นเทรดให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนระหว่างโมเดิร์นเทรดกับเทรดิชั่นนอลเทรดของบิ๊กโคล่าอยู่ที่ 10 : 90 ปัจจุบันมีวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรดต่าง ๆ เกือบ 100% ภายในสิ้นปีจะเพิ่มรสชาติที่มีอยู่ให้ครบทุกช่องทาง



ล่าสุดเปิดตัวเครื่องดื่มไซซ์เล็กขนาด 360 มิลลิลิตร ราคา 10 บาท วางจำหน่ายเฉพาะร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อเข้าไปชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำอัดลมไซซ์เล็กที่ประกอบด้วยรูปแบบกระป๋องและวันเวย์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 10% ของตลาดน้ำอัดลมมูลค่า 36,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ภายในปี 2555 ซึ่งปัจจุบันโคคา-โคลาเป็นผู้นำตลาด

ส่วนแผนครึ่งปีหลังจะมีการเปิดตัวเครื่องดื่ม "เกลือแร่" ในช่วงไตรมาส 4 ขณะที่แบรนด์หลัก "บิ๊ก โคล่า" ยังเดินหน้ากลยุทธ์คุ้มค่าคุ้มราคา โดยนำเสนอปริมาณสินค้าที่มากกว่าคู่แข่งในราคาที่ถูกกว่าหรือเท่ากัน ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบิ๊ก โคล่า ปัจจุบันสามารถครองส่วนแบ่งตลาดที่ 23% และเชื่อว่าจะเพิ่มเป็น 25% ในสิ้นปีนี้

ปัจจุบันบิ๊กโคล่ามีความแข็งแกร่งมากในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่กรุงเทพฯ ก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ 10% หลังจากนี้มีเป้าหมายเติมเต็มช่องว่าง อื่น ๆ อาทิ ช่องทางร้านอาหาร, ผับ, บาร์ เป็นสัดส่วน 20% ของตลาดรวม

นายชนินทร์ยังได้กล่าวถึงสภาพตลาดน้ำอัดลมในช่วงครึ่งปีแรกว่า ตลาดไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ด้วยสภาพอากาศช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมาไม่เอื้ออำนวย อากาศเย็น รวมถึงมีฝนตกและน้ำท่วม ส่วนบริษัทเติบโตถึง 20% คาดว่าถึงสิ้นปีตลาดจะเติบโตไม่เกิน 5% ขณะที่บริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ที่ 20% ทั้งนี้จากครึ่งปีแรกที่ทุกค่ายต่างพลาดเป้าจะส่งผลให้สภาพการ แข่งขันในครึ่งปีหลังรุนแรงขึ้น อาทิ การเพิ่มดีกรีในการทำโปรโมชั่น

ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ "B1A4" บีวันเอโฟร์ ศิลปินป๊อปมาแรงในเกาหลี เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโฆษณาชุดใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Big Cola ซ่า ไม่มีกาเฟอีน" เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ที่ทันสมัย นอกจากนี้ยังเชื่อว่ากระแสความนิยม "เคป๊อป" ในเมืองไทยยังสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ล่าสุดนี้มีแฟนคลับในเมืองไทยหลายหมื่นคน จะทำให้บิ๊ก โคล่าได้กลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไปเพิ่มมากขึ้น

นายชนินทร์ยังได้กล่าวถึงกรณีเป๊ปซี่-เสริมสุข ว่า หากเป๊ปซี่สามารถซื้อหุ้นจากบริษัทเอสเอสฯ เชื่อว่าการแข่งขันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากทีมงานด้านการตลาดอยู่ทางฝั่งเป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) อยู่แล้ว แต่หากเอสเอสฯสามารถซื้อหุ้นจากกลุ่มเป๊ปซี่ได้ สภาพการแข่งขันในตลาดน้ำอัดลมจะเปลี่ยนไป ในทันที เพราะนั่นหมายถึงจะไม่มีแบรนด์เป๊ปซี่ในเมืองไทยอีกต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าทางเลือกหลังจะส่งผลดีต่อบริษัทมากกว่า

No comments:

Post a Comment