Sunday 28 August 2011

เบียร์สิงห์พ่วงโซดา-บี-อิง"บุกตปท. เดินหน้าย้ำแบรนด์ส่งโฆษณาลงยูทูบปลุกกระแส


"สิงห์" หวังโตแบบก้าวกระโดด เตรียมพาเหรดสินค้าเครื่องดื่ม-อาหารเสริมทัพตลาดต่างประเทศ ปลื้มหนังแฮงค์ โอเวอร์ 2 ดึงสินค้าไทอินจนฟีดแบ็กดี ย้ำกระแสด้วยการเปิดตัวสปอตโฆษณาลง ยูทูบ ออกอากาศในสนามบินทั่วอเมริกา พร้อมทยอยส่งสินค้าใหม่ทั้งสาหร่าย-สกินแคร์ชิมลางตลาด


นายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลตอบรับจากการบุกตลาดสร้างแบรนด์ในต่างประเทศเมื่อ 5 ปีก่อน ในแง่ยอดขายถือว่าเติบโตดี 2 ปีนี้มีการเติบโต 30-40% แต่ในบางประเทศยังไม่เป็นที่พอใจมากนัก และจากนี้ไปบริษัทมีแผนเพิ่มการเติบโตในตลาดต่างประเทศแบบก้าวกระโดดด้วยการนำผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ๆ ไปจำหน่ายนอกเหนือจากเบียร์ซึ่งเป็นตัวหลัก โดยสินค้าที่สิงห์มีอยู่ในพอร์ตน็อนแอลกอฮอล์ขณะนี้ อาทิ โซดา น้ำ ข้าว สาหร่ายสำเร็จรูป ฯลฯ



โดยเฉพาะในตลาดประเทศใกล้เคียงอย่างลาว กัมพูชา พม่า ซึ่งมีพฤติกรรมคล้าย ๆ คนไทย บางอย่างสามารถสร้างแบรนด์ได้เต็มที่เพราะในเมืองไทยยังมีกฎเกณฑ์มากพอสมควร การใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นฐานน่าจะเป็นเรื่องดี ประกอบกับประชากรก็มีจำนวนมาก ส่วนประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น อังกฤษ อเมริกา บริษัทก็มีโอกาสไปได้อีกมาก และสิงห์ถือเป็นแบรนด์ไทยไม่กี่แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักของต่างชาติ

"เรามีพื้นที่เกษตรซึ่งใช้เป็นแปลงทดลองถือเป็นอาวุธที่อยู่ในมือ แต่จะนำไปใช้ทำอะไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องการเกษตรต้องพัฒนากันเป็นปี ๆ เพราะต้องคอยฤดูกาล การสร้างแบรนด์สิงห์ในต่างประเทศคงไม่กินเวลาแค่ 1-2 ปี"

นายจุตินันท์กล่าวอีกว่า ปีนี้สินค้าของสิงห์ทั้งเบียร์สิงห์ และเบียร์ลีโอ ยังมีโอกาสปรากฏในหนังเรื่องแฮงค์โอเวอร์ 2 ซึ่งใช้โลเกชั่นในเมืองไทยโดยไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาแม้แต่น้อย และได้รับผลตอบรับดีมาก ฉะนั้นเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์สิงห์ในตลาดต่างประเทศ บริษัทจึงทำสปอตโฆษณาความยาว 90 วินาที ลงในยูทูบ และได้ออกอากาศในสนามบิน 40-60 แห่งทั่วอเมริกา ใช้โลเกชั่นเดียวกับฉากในหนังแฮงค์โอเวอร์ 2 เพื่อสร้างการรับรู้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสิงห์มีสินค้ากลุ่มน็อนแอลกอฮอล์หลัก ๆ คือ โซดา มูลค่า 6,000 ล้านบาท วางแผนเติบโต 5% น้ำ 4,000 ล้านบาท แผนเติบโต 10-15% และบี-อิ้ง 700 ล้านบาท แผนเติบโต 30% จากรายได้ของทั้งกรุ๊ป 9,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีข้าวพันดี ซึ่งวางจำหน่ายมาประมาณครึ่งปี ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 900-1,000 ล้านบาท ปีต่อไปวางแผนเติบโต 15-20% และมีแผนส่งออกภายใน 2-3 ปีข้างหน้า เมื่อเร็ว ๆ นี้ยังทุ่มงบฯ 100 ล้านบาท ดึงซูเปอร์ สตาร์จากเกาหลีมาเปิดตัวสาหร่ายทอดกรอบ "มาชิตะ" เจาะลูกค้าวัยรุ่น รวมถึงเสื้อผ้าแฟชั่น "สิงห์ ไลฟ์" ซึ่งมีสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ สิงห์ เวิร์ก, สิงห์ เพลย์ และสิงห์ เลดี้ ขณะนี้ได้เริ่มทดลองตลาดผลิตภัณฑ์สกินแคร์ อาทิ สบู่ และแชมพู โดยแบรนด์สิงห์ ไลฟ์ มีแผนจะเปิดร้านจำหน่ายเสื้อผ้าในต่างประเทศ ทั้งลักษณะการทำธุรกิจเอง หรือให้ผู้จัดจำหน่ายเบียร์ในประเทศนั้น ๆ ทำตลาด

No comments:

Post a Comment