โออิชิยังไม่เลิกโปรโมชั่น 16 บาท หลังทำมากว่า 1 เดือน ขอรอดูสถานการณ์ คาดไม่เกิน 1-2 เดือนนี้ปาดเหงื่อ ลดราคานานยิ่งเข้าเนื้อ ชี้ไม่ใช่นโยบายหลัก เตรียมแก้ปัญหาระยะยาว เร่งเอดูเคตผู้บริโภครับรู้ส่วนต่างระหว่าง "โออิชิ-อิชิตัน" ชี้ราคาต่อหน่วยไม่แตกต่าง ล่าสุดเสริมความมั่นใจผู้บริโภค ลงทุนติด ตั้งระบบตรวจจับโลหะทุกสายการผลิต ตอกย้ำคุณภาพสินค้า
นายอนิรุทธิ์ มหธร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทยังคงทำโปรโมชั่นสำหรับโออิชิ กรีนที ในราคา 16 บาท ต่อไปหลังจากเริ่มโปรโมชั่นดังกล่าวมาได้กว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เพื่อทำให้แบรนด์ยังสามารถรักษาสถานะความเป็นผู้นำไว้ได้ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงมีแบรนด์น้องใหม่อย่าง "อิชิตัน" เข้ามาในตลาด นอกจากนี้ยังถือโอกาสนี้ตอบแทนผู้บริโภค โดยราคาของอิชิตันนั้นในเซเว่นอีเลฟเว่นจะอยู่ที่ 16 บาท และร้านค้าทั่วไป 15 บาท เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ระยะยาวแล้วบริษัทไม่ได้มีนโยบายเล่นเรื่องราคา ขณะนี้กำลังดูสถานการณ์ แต่เชื่อว่าจะทำต่อเนื่องอีกไม่เกิน 1-2 เดือนนี้ เพราะต้องยอมรับว่าการเล่นราคาในลักษณะนี้ก็ไม่ส่งผลดีในระยะยาว รวมถึงกำไรของบริษัท โดยแผนต่อไปคือการเอดูเคตผู้บริโภคให้เข้าใจถึงความแตกต่างของขนาดบรรจุภัณฑ์ โดยโออิชิแม้จะมี ราคา 20 บาท แต่มีขนาด 500 มิลลิกรัม ขณะที่คู่แข่งขายราคา 15-16 บาท แต่ขนาดอยู่ที่ 420 มิลลิกรัม ซึ่งหากเทียบราคาต่อหน่วยแล้วถือว่า ไม่แตกต่างกัน แต่ผู้บริโภคอาจยังไม่รับรู้ในจุดนี้
"สถานะของโออิชิปัจจุบันยังดีอยู่ การมีคู่แข่งใหม่ในตลาดก็ทำให้เราต้องฟิตตัวเองมากขึ้น ส่วนคู่แข่งจะแรงแค่ช่วงแรกและแผ่วปลายหรือไม่ เรื่องนี้ต้องดูกันยาว ๆ"
นายอนิรุทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับ "โออิชิ ชาคูลล์ซ่า" ชาเขียวอัดลมที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เนื่องจากวางโพซิชันนิ่งได้ชัดเจน สินค้ามีภาพลักษณ์ชัด และเจาะกลุ่ม เป้าหมายอย่างเจาะจงคือวัยรุ่น ทำให้จำเป็นต้องเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว หลังจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์ "เซ็กเมนเตชั่น" โดยสินค้าแต่ละตัวจะตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม อย่างไรก็ตาม สินค้าตัวหลักยังเป็น "ชาเขียวพร้อมดื่ม" ซึ่งเป็นตัวตนของ โออิชิในเรื่องของสุขภาพ เจาะกลุ่มผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย
ในด้านการผลิตนอกจากโรงงานแห่งใหม่ที่นวนคร ซึ่งใช้งบประมาณในการลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาทกับเทคโนโลยีการผลิตใหม่ Cold Aseptic Filling ที่ช่วยคงคุณค่าและรสชาติของชาเขียวและน้ำผลไม้ บริษัทยังได้ทุ่มงบฯติดตั้งระบบตรวจจับโลหะเข้าไปในทุกสายการผลิตที่มีอยู่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และตอกย้ำในเรื่องคุณภาพ โดยระบบดังกล่าวไว้สำหรับตรวจจับโลหะ หากมีการปลอมปนเข้ามา ซึ่งถือเป็นโรงงานแห่งแรก ๆ ในเมืองไทยที่มีการลงทุนติดตั้งระบบนี้
No comments:
Post a Comment