ทิปโก้ปรับใหญ่ หลังเจอผลกระทบ
น้ำท่วม ต้องหยุดผลิตครึ่งเดือนตุลาคม คาดกลับมาเดินเครื่อง 100% ต้นธันวาคม ประเดิมวางตลาดน้ำส้ม 20% ออเร้นจ์ เชค-น้ำผักผลไม้
5 สี "เวจจี้ ไฟว์ คัลเลอร์ส"
รอมู้ดผู้บริโภคฟื้นตัวก่อนรุกจริงปีหน้า ชูขวดเพ็ทมุ่งเจาะกลุ่มวัยรุ่น
ลั่นหน้าร้อนปีหน้าจัดหนัก ทำตลาดครบเครื่อง เพิ่มงบฯเป็น 600-700 ล้าน ขอโต 40%
นายชาญชัย กาญจนรัตน์มณี
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ (ประเทศไทย)
จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
ขณะนี้ฐานการผลิตของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา
ในส่วนของโรงงานสามารถป้องกันฐานผลิตไว้ได้
แต่ก็ต้องหยุดการผลิตไปตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม และเริ่มกลับมาเดินเครื่องได้ 50% และวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
กลับมาเดินเครื่องได้ 90% คาดว่า 1
ธันวาคมนี้ จะสามารถเดินเครื่องผลิตได้ 100%
ที่ผ่านมา
ส่งผลให้บริษัทต้องปรับแผน
โดยลดงบฯการตลาดลงจากปัญหาสินค้าที่ไม่สามารถผลิตได้เต็มที่
และปรับไปใช้ในการฟื้นฟูธุรกิจ และช่วยเหลือพนักงานที่อาศัยอยู่ในจังหวัดอยุธยา
ซึ่งได้รับผลกระทบจำนวนมาก ส่วนเดือนธันวาคมนี้
คาดว่าอารมณ์จับจ่ายของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นกลับมามากนัก
คาดว่าจะสามารถเริ่มทำตลาดอย่างจริงจังอีกครั้งในต้นปีหน้า
โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้วางสินค้าใหม่หลายตัว
อาทิ น้ำส้ม 20% ผสมเกล็ดส้มภายใต้แบรนด์
"ออเร้นจ์ เชค" ในช่องทางเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งเป็นการ รีลอนช์ใหม่
จากที่เคยวางตลาดไปก่อนหน้านี้ในช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
ตามแผนเดิมบริษัทจะออนแอร์โฆษณาตั้งแต่เดือนกันยายน โดยใช้ "หมาก ปริญ"
ดารา นักแสดงช่อง 3 เป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่จากสถานการณ์น้ำท่วม
ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวโฆษณาไปเป็นต้นปีหน้า นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวน้ำผัก ผลไม้ 100% แบรนด์ "ทิปโก้ เวจจี้ ไฟว์ คัลเลอร์ส อะ เดย์" สูตรผัก 5 สี ซึ่งจะเริ่มทำตลาดในปีหน้าเช่นกัน
"ที่ผ่านมาอารมณ์ผู้บริโภคไม่เอื้อ
ทำให้เราต้องเลื่อนแผนทำตลาดต่าง ๆ ออกไป บวกกับปลายปีจะเป็นฤดูของ น้ำผลไม้ 100% ที่ให้เป็นของขวัญ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อความสดชื่น"
นายชาญชัยกล่าวและว่า
สำหรับปีหน้าจะเป็นปีที่
ทิปโก้รุกตลาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน จากการประเมินความพร้อมของบริษัท
ทั้งฐานการผลิต และไลน์เครื่องดื่มที่มี
โดยสินค้าที่เปิดตัวตอนนี้ก็จะอยู่ในช่วงทดลองตลาดไปก่อน
ซึ่งนอกจากกลุ่มน้ำผลไม้แล้ว ปีหน้าบริษัทก็จะเดินหน้าทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม
"มิเรอิ" ที่เปิดตัวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา
ซึ่งเปิดตัวไม่นานก็เจอสถานการณ์น้ำท่วม โดยบริษัทวางงบฯตลาดตลอดปีหน้า 600-700 ล้านบาท เฉพาะชาเขียวจะใช้งบฯ 300 ล้านบาท
ขณะที่ออเร้นจ์ เชค วางงบฯทำตลาดตลอดปีหน้าไว้ที่ 80-100
ล้านบาท
"การแข่งขันของตลาดเครื่องดื่มในช่วงหน้าร้อนปีหน้า
เชื่อว่าจะไม่รุนแรงมากนักด้วยฐานการผลิตของบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่หลายรายได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา
ซึ่งต้องอาศัยเวลาฟื้นฟูซึ่งน่าจะไม่ทันในช่วงหน้าร้อนซึ่งอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมปีหน้า
อย่างต่ำโรงงานที่เจอน้ำท่วมอาจต้องใช้เวลาถึง 6
เดือนในการกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ดังนั้น
หน้าร้อนปีหน้าขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละค่าย
สำหรับทิปโก้ปีหน้าถือว่าเรามีความพร้อมมากในทุกๆ ด้าน
จึงเป็นเหตุให้เรากล้าตั้งเป้าสูง"
ในส่วนออเร้นจ์ เชค
บริษัทคาดหวังพอสมควร และถือเป็นสิ่งท้าทายเพราะจะเป็นการทำตลาดน้ำผลไม้ที่ไม่ใช่ 100% ในรูปแบบขวดเพ็ท ของบริษัทเป็นครั้งแรก อีกทั้งตลาดน้ำผลไม้
"ซูเปอร์ อีโคโนมี่" กำลังอยู่ในช่วงเติบโต ปัจจุบันมีมูลค่า 800 ล้านบาท มีมินิทเมด เป็นผู้นำตลาดมียอดขายประมาณ 500-600 ล้านบาท หรือไม่ต่ำกว่ากว่า 70% ส่วนทวิสเตอร์
มีส่วนแบ่งประมาณ 15-20% แม้จะมีผู้นำที่แข็งแกร่ง
แต่ตลาดยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงมีโอกาสอีกมาก
โดยจุดขายหลักของออเร้นจ์ เชค
คือ รสชาติ และมีส่วนผสมของเกล็ดน้ำส้มมากว่าที่ 40% รวมถึงวิตามินบี 12 แต่ที่สำคัญที่สุดคือ
แนวทางการทำตลาดที่แตกต่างจากคู่แข่งเชื่อว่าจะเป็นที่ตอบรับของกลุ่มวัยรุ่น
โดยหนังโฆษณาของออเร้นจ์ เชค จะมีความแตกต่างชัดเจน โทนหนังจะเป็นวัยรุ่น
และออกแนวตลกเพื่อให้โดนใจวัยรุ่น ทั้งนี้เชื่อว่าจากความน่าเชื่อถือของทิปโก้
ที่เราเป็นผู้นำน้ำส้ม 100% เชื่อว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับได้ไม่ยาก
"ที่เราเลือกเปิดตัวด้วยน้ำส้มก่อนเพราะว่าเป็นตลาดน้ำผลไม้ที่ใหญ่ที่สุดของไทย
อนาคตยังมีแผนเปิดตัวน้ำผลไม้ 20% รสชาติอื่นๆ
ออกมาเพิ่มเติม"
สำหรับ "เวจจี้ ไฟว์
คัลเลอร์ส อะ เดย์" ที่บริษัทจะมีการทำตลาดอย่างจริงจังในช่วงหน้าร้อนปีหน้า
โดยมุ่งจับกลุ่มวัยรุ่นเช่นเดียวกัน
และถือเป็นกลยุทธ์ของบริษัทที่ต้องการขยายฐานผู้บริโภคน้ำผลไม้ 100% ไปที่กลุ่มวัยรุ่น สำหรับปีหน้าจะเป็นกลยุทธ์ของทิปโก้สำหรับตลาดน้ำผลไม้
100% ที่มีการเพิ่มลูกเล่น สีสัน และเซ็กเมนต์มากขึ้น
เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ โดยจะเน้นไปที่ขวดเพ็ทเป็นหลัก
"สิ่งที่เราพบคือ จริง ๆ
แล้ววัยรุ่นก็ดื่มน้ำผลไม้ 100% แต่ไม่ชอบซื้อไซซ์ใหญ่
อีกทั้งต้องเป็นขวดเพ็ทถึงจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์
ตั้งแต่ปีหน้าเราสามารถเดินหน้ากลยุทธ์นี้ได้อย่างเต็มที่
ด้วยความพร้อมด้านเครื่องจักรในไลน์ผลิตขวดเพ็ทตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา"
สำหรับสิ้นปีนี้ยังมั่นใจว่ายังสามารถปิดยอดขายได้ที่
2,500
ล้านบาทตาม เป้าหมายที่วางไว้ ส่วนปีหน้าตั้งเป้าการเติบโตถึง 40%
จากสินค้าใหม่ที่เปิดตัว และแผนการรุกตลาดอย่างจริงจังในปีหน้า
No comments:
Post a Comment