ดอกบัวคู่ขยายไลน์ธุรกิจ
เปิดตัวอาหารเสริม "รังนก" เจาะตลาด
ใช้จุดได้เปรียบความเป็นเจ้าของวัตถุดิบ "บ้านรังนก" ที่ปากพนัง
ชูจุดขายเพิ่มปริมาณเนื้อรังนก 2 เท่าสู้ผู้นำ แบรนด์-สก๊อต เจาะยี่ปั๊ว โชห่วย
พร้อมปูพรมกูร์เมต์ มาร์เก็ต เดอะ มอลล์ทุกสาขา เดินหน้าสร้างแบรนด์ โรดโชว์-ชงชิม
หวังผู้บริโภคทดลองมากที่สุด ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าปีนี้
นายปิติ ลีเลิศพันธ์
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดอกบัวคู่ จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
บริษัทได้ขยายไลน์ธุรกิจด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "รังนก" ภายใต้แบรนด์
"ดอกบัวคู่" โดยทดลองตลาดตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา และจะเริ่มรุกตลาดมากขึ้นในปีนี้
ปัจจุบันมีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปที่เป็นเทรดดิชั่นนัล
โดยใช้หน่วยจัดจำหน่ายของบริษัทเป็นผู้กระจายสินค้าด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตของ เดอะมอลล์ทุกสาขา
โดยปีนี้จะเน้นสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
เน้นที่บีโลว์เดอะไลน์เป็นหลัก อาทิ การโรดโชว์ และจัดชงชิมตามสถานที่ต่าง ๆ
เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองสินค้ามากที่สุด
กลยุทธ์หลักของรังนกดอกบัวคู่
คือความคุ้มค่า คุ้มราคา ตามสโลแกน ที่ว่า "ได้เนื้อแน่น ๆเต็ม ๆ คำ"
โดยการเพิ่มปริมาณเนื้อรังนกเป็น 2 เท่า แต่วางราคาใกล้เคียงกับผู้เล่นหลักในตลาดอย่างแบรนด์และสก๊อต
สาเหตุหลักมาจากความพร้อมด้านวัตถุดิบที่เป็นรังนก เนื่องจากบริษัทเป็นเจ้าของ
"บ้านรังนก" ที่ อ.ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ซึ่งแต่เดิมทำธุรกิจเพียงจำหน่ายรังนกแห้ง แต่เมื่อทดลองนำมาผลิตเป็นรังนกบรรจุขวด
พบว่า ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค จึงตัดสินใจทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง
"เป็นจุดต่างสำคัญ
เพราะเรามีวัตถุดิบของตัวเอง ขณะที่ค่ายรังนก อื่น ๆ ไม่มี
ทำให้เราสามารถควบคุมต้นทุน และวางราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งได้
สาเหตุที่เราใช้แบรนด์ดอกบัวคู่ เพราะเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาโปรโมตมาก
และดอกบัวคู่สามารถสื่อความเป็นแบรนด์เพื่อสุขภาพที่ลิงก์กับรังนกได้
เชื่อว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับและไม่สับสน
ที่สำคัญยังผลิตภัณฑ์รังนกช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ดอกบัวคู่ให้ดูดีขึ้นอีกด้วย"
นายปิติกล่าวว่า
โจทย์หลักในปีนี้เน้นที่การสร้างแบรนด์ ปัจจุบันยังใช้วิธีจ้างโรงงานในกรุงเทพฯ
เป็นผู้ผลิต ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนสร้างโรงงานผลิตเร็ว ๆ นี้
โดยจะขอดูผลตอบรับของตลาด
เช่นเดียวกับช่องทางจำหน่ายยังไม่มีแผนขยายเข้าสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรด
หรือไฮเปอร์มาร์เก็ต เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม
บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถสร้างรังนกให้เป็นอีกขาธุรกิจหนึ่งของบริษัทได้
ด้วยตลาดที่ยังเติบโต และความพร้อมด้านวัตถุดิบ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
บริษัทมีแผนจัดสัมมนา
วิธีสร้างบ้านรังนกสำหรับผู้ที่สนใจทำธุรกิจนี้ส่วนหนึ่งเพื่อเผยแพร่ความรู้ อีกส่วนก็ระยะยาวว่าจะทำให้มีวัตถุดิบรังนกอย่างเพียงพอ
"เพื่อรองรับการเติบโตของเราในอนาคตด้วย
ซัพพลายที่เรามีอยู่อาจไม่เพียงพอ
ก็ต้องอาศัยซื้อวัตถุดิบจากผู้ประกอบการธุรกิจบ้านรังนกหน้าใหม่เหล่านี้ในรูปแบบของคอนแท็กต์
ในราคายุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย"
ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตเป็น
2 เท่าจากปีที่แล้ว โดยนอกจากในประเทศไทยแล้ว
บริษัทยังเตรียมส่งสินค้าไปจำหน่ายยังต่างประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา,
พม่า ฯลฯ ผ่านเอเย่นต์ต่าง ๆ
ที่บริษัทมีการส่งสินค้าดอกบัวคู่ไปจำหน่ายก่อนหน้านี้
No comments:
Post a Comment