Thursday 8 December 2011

ไทยเบฟฯลุยครบเครื่อง เพิ่มพอร์ตเบียร์-บุกน็อนแอลกอฮอล์


หลังเป็นโต้โผรวม 12 องค์กรในชื่อ "พลังน้ำใจไทย" ล่าสุด "ฐาปน สิริวัฒนภักดี" กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟ เวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้นำทีมผู้บริหารและพนักงานอาสาของแต่ละองค์กร ลงพื้นที่คิกออฟโปรเจ็กต์แรกของภาคี ที่โรงเรียนธรรมิการาม จังหวัดลพบุรี

และช่วงเวลาก่อนผู้บริหารจะร่วมประชุมความคืบหน้าโปรเจ็กต์ต่อไป "ประชาชาติธุรกิจ" มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณหนุ่ม-ฐาปน แม่ทำใหญ่ค่ายเบียร์ช้าง ทายาทเจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ถึง ผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านมารวมถึงมุมมองต่าง ๆ ดังนี้

- เป้าหมายสำคัญในการจับมือกับ 12 องค์กรในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (ซีเอสอาร์) ร่วมกัน

จริง ๆ ไม่ได้ยึดติดกันแค่ 12 ราย เพราะทุกวันนี้ก็มีองค์กรเข้าร่วมเป็น 20 ราย ด้วยวัตถุประสงค์เดียวกันคือการช่วยสังคมไทย โดยเฉพาะด้านเยาวชน ซึ่งถือเป็นการช่วยภาครัฐที่ต้องใช้งบฯไปกับเรื่องโครงสร้าง ขณะที่เราจะเติมเต็มเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอน อย่างน้อยน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยเป็นแรง เป็นกำลัง ให้สังคมโดยร่วม อย่างการรวมตัวของพลังน้ำใจไทย ถ้าเราไม่รวมตัวกันบางทีอาจทำงานทับซ้อนกัน สิ้นเปลืองทรัพยากร เปลืองแรง



- ถือเป็นการช่วยกระตุ้นกำลังซื้อด้วยหรือไม่

ผมว่าถือเป็นการแบ่งเบาภาระในบ้านที่มีเด็ก ๆ เพื่อจะได้มีกำลังใจในการฟันฝ่า พ่อแม่จะได้กลับมาทำงานทำการ เป็นการช่วยให้ทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาพปกติได้เร็วที่สุด แต่จากที่เห็นผมเชื่อว่าคนไทยเราสู้อยู่แล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ และต่อไปอาจมีรูปแบบการบริหารจัดการที่ดีกว่านี้

- ในแง่บทเรียนทั้งเศรษฐกิจและสังคม ได้อะไรจากเหตุการณ์ครั้งนี้

การร่วมไม้ร่วมมือ ความสมัครสมานสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญ แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แล้วก็เป็นบทพิสูจน์ว่าเมื่อเกิดสิ่งที่มันกระทบกับทุก ๆ คน เราจะรวมตัวกันได้ เข้มแข็งแค่ไหน

- ตอนนี้ ระบบดีซีกับโลจิสติกส์ของ "ช้าง" กลับมาปกติหรือยัง

ตอนนี้เรียบร้อยแล้วเพราะน้ำลดลง แต่อาจมีปัญหาเรื่องระยะทางบ้าง จากปกติใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงเศษ ๆ ตอนนี้อาจเป็น 4-5 ชั่วโมง ตรงนี้เราต้องรับสภาพจากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าดีกว่าตอนน้ำท่วมซึ่งช่วงนั้นการขนส่งสินค้าต้องใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมง ส่วนหนึ่งก็ถือว่าได้รับผลกระทบ เพราะกระจายสินค้าได้ไม่ทั่วถึง แต่เราก็พยายามเติมสินค้าให้เต็มเท่าที่จะทำได้

- ประเมินสถานการณ์ช่วงสิ้นปีไว้อย่างไรบ้าง

ธุรกิจทุกประเภทต้องได้รับผลกระทบอยู่แล้ว โดยเฉพาะไตรมาส 4

หากให้ประเมินสถานการณ์เรื่องผลประกอบการปลายปีคงสู้ในรอบปีที่ผ่านมายากหน่อย ขึ้นอยู่กับว่า 3 ไตรมาสแรกใครตุนไว้มากน้อยแค่ไหน ถ้าบางคนที่ตั้งใจทำยอดไตรมาส 4 อาจจะช้าไปแล้ว เพราะเหตุการณ์น้ำท่วมมันมาเกินกว่าที่เราคาดคิด

- กิจกรรมลานเบียร์ปีนี้ต้องยกเลิกทั้งหมดหรือไม่

ไม่ถึงกับยกเลิกทั้งหมด แต่ก็มีหลายแห่งที่ยกเลิก อย่าง ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ส่วนเซ็นทรัลเวิลด์ กำลังดำเนินการเรื่องโครงสร้างอยู่ แรกเริ่มตั้งใจจะทำเป็นการกุศล แต่ต้องดูตามสถานการณ์ อาจมีจำหน่ายสินค้าอยู่บ้าง อยากให้เป็นจุดนัดพบมากกว่า

- ลานเบียร์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็นเวทีเปิดตัวเบียร์ใหม่ "ช้างเอ็กซ์ปอร์ต"

ช้าง เอ็กซ์ปอร์ต ออกตัว (เริ่มวางตลาด) เมื่อช่วงก่อนน้ำท่วมเล็กน้อย จึงทำให้รูปแบบการสื่อสารมีสะดุดไปบ้าง แต่เนื่องจากน้ำไม่ได้ท่วมทุกพื้นที่ พื้นที่ไหนที่ยังพอแนะนำได้ก็ทำไปก่อน

- เบียร์ตัวใหม่แตกต่างจากช้างเดิมอย่างไร

ช้าง เอ็กซ์ปอร์ต เป็นเพียวมอลต์ 100% จากข้าวบาร์เลย์และมอลต์ คล้าย ๆ กับโอวัลติน แล้วเอามาผ่านกระบวนการผลิตเบียร์ ถือเป็นหนึ่งในไลน์ที่ออกมาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค โดยจับราคาสูงกว่าช้างเล็กน้อย ขณะที่ช้างทั้ง 3 สูตร ได้แก่ คลาสสิก ดราฟท์ ไลท์ ก็ยังคงมีทำตลาดอยู่เหมือนเดิม

- ตอนหลังๆ ดูเหมือนว่า เฟดเดอร์บรอย จะหายไปจากตลาด

ตัวนี้ ก็ยังจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดเหมือนเดิม เพียงแต่เรามองเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายที่เน้นให้ตรงกับ เป้าหมายมากขึ้น มุ่งเจาะไปตามร้านต่าง ๆ

- ผลกระทบจากน้ำท่วมไทยเปฟฯ จะมีแผนปรับพอร์ตสินค้าอย่างไรหรือไม่

ยังเหมือนเดิม คือเน้นการขยายสายตลาดของน็อนแอลกอฮอลล์ แต่ปีนี้โออิชิถูกกระทบเต็ม ๆ เพราะตอนแรกเราวางแผนขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักรใหม่ พอถูกน้ำท่วมที่นิคมอุตสาหกรรมนวนครจึงต้องไปใช้โรงงานที่อมตะผลิตสินค้าป้อนตลาดแทน

- ปีหน้าจะยังมีแผนดำเนินการเรื่องโรงงานต่อหรือไม่

แน่นอน ตอนนี้ก็ปรับปรุงอยู่แล้ว พอน้ำเริ่มลดลงก็พยายามสูบน้ำด้วย คาดว่าทุกอย่างน่าจะกลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง โดยใช้เวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน

- การรุกตลาดต่างประเทศถือเป็นการช่วยเรื่องการกระจายความเสี่ยงหรือไม่

ช่วยได้แน่นอนอยู่แล้ว เพราะทุกปีตลาดต่างประเทศจะมีการเติบโตเป็นตัวเลข 3 หลัก แต่ทั้งนี้ก็ต้องเข้าใจว่าที่โตมาก ๆ ดังกล่าวก็เพราะสัดส่วนค่อนข้างเล็ก ก็ขึ้นอยู่กับว่าถ้ามีโอกาสในการขยายตัวในเรื่องการควบรวมกิจการต่าง ๆ ตรงนั้นก็จะ significant (มีความหมายหรือนัยยะสำคัญ) มากขึ้น

No comments:

Post a Comment